การจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (
Computer Assisted Instruction)
ก. หลักการ
1) คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาขยายขอบเขตความสามารถในการเรียนรู้ของผู้เรียนช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วและเรียนรู้ได้ดีรวมทั้งช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสามารถของผู้เรียน
2) เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้เรียนและผู้สอนและสามารถนำไปใช้งานทางการศึกษาด้านอื่น
ๆด้วย เช่นงานการบริหารงานสอบการประเมินผลเป็นต้น
ข. นิยาม
การจัดการเรียนการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
หมายถึง การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอน เพื่อช่วยขยายขอบเขตความสามารถในการเรียนรู้ของผู้เรียน
และความสามารถในการสอนของครู โดยการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ขึ้นมาหรือจัfหาบทเรียนคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมที่มีผู้สร้างไว้แล้วมาให้ผู้เรียน
หรือเขียนโปรแกรมให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถสร้างบทเรียนขึ้นเอง และใช้คอมพิวเตอร์ในการนำเสนอบทเรียนด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งโดยมีการนำสื่อประสมเข้ามาช่วยในการนำเสนอ
เช่น ข้อความ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ผู้เรียนเป็นผู้ดำเนินการเรียนรู้ตามการนำเสนอของบทเรียน
ซึ่งจะออกแบบไว้ให้ผู้เรียนได้รับผลย้อนกลับตามการตอบสนองของตน และเมื่อเรียนจบผู้เรียนจะได้รับการประเมินผลการเรียนรู้ของตน
และทราบผลการเรียนรู้ของตน การนำเสนอบทเรียนแบบคอมพิวเตอร์มีหลายแบบที่นิยมกันก็มีแบบทบทวนความรู้
(tutorial) ซึ่งเป็นการทบทวนความรู้เดิมหรือนำเสนอเนื้อหาใหม่ การนำเสนอบทเรียนแบบฝึกปฏิบัติ
( drill and practice) เป็นลักษณะของการฝึกการทำแบบฝึกหัดและแบบทดสอบ
จนสามารถเข้าใจบทเรียนนั้นๆ ได้ดี บทเรียนแบบเกม (game) สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมๆกับการเล่นอย่างเพลิดเพลิน
การนำเสนอบทเรียนแบบสถานการณ์จำลองผู้เรียนสามารถเข้าไปเล่นและใช้ข้อมูลที่มีในการตัดสินใจแก้ปัญหา
และได้รับผลจากการตัดสินใจนั้นนั้น
ค.ตัวบ่งชี้
1) มีบทเรียนคอมพิวเตอร์ที่ผู้สอนสร้างขึ้น หรือผู้อื่นสร้างไว้แล้ว
หรือมีโปรแกรมการสร้างบทเรียนสำหรับผู้เรียนและมีเครื่องมือคอมพิวเตอร์
2) ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์
3) ผู้สอนมีการชี้แจงวัตถุประสงค์ เนื้อหา และวิธีการในการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเข้าใจ
และสำรวจความพร้อม และความเข้าใจของผู้เรียนก่อนให้ผู้เรียนดำเนินการ
4) ผู้เรียนมีการดำเนินการเรียนรู้ตามที่กำหนดไว้ในบทเรียนคอมพิวเตอร์โดยผู้สอนทำหน้าที่ดูแลให้ความช่วยเหลือ
อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ และให้คำปรึกษาแนะนำตามความจำเป็น
5) เมื่อเรียนจบบทเรียนผู้เรียนได้รับการทดสอบและได้รับทราบผลการเรียนของตนเอง
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ที่นำเอาเทคนิคคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเข้ามาช่วย
ที่มา
นภดล
ยิ่งยงสกุล ได้กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
( CAI
)( Computer Assisted Instruction )
ความหมาย
การจัดการเรียนรู้โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เป็นกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนที่อาศัยคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงมาประยุกต์ใช้เป็นสื่อหรือเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้
โดยจัดเนื้อหาสาระหรือประสบการณ์สำหรับให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
อาจจัดเป็นลักษณะบทเรียนหน่วยการเรียนหรือโปรแกรมการเรียน ฯลฯ
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
บุญเกื้อ
ควรหาเวช ( 2543 : 70 – 71 ) ได้เสนอขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ไว้ดังนี้
1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
ขั้นตอนนี้จะเริ่มตั้งแต่การทักทายผู้เรียน
บอกวิธีการเรียนและบอกจุดประสงค์ของการเรียน
เพื่อที่จะให้ผู้เรียนได้ทราบว่าเมื่อเรียนจบบทเรียนนี้แล้วเขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง คอมพิวเตอร์ช่วยสอนสามารถเสนอวิธีการในรูปแบบที่น่าสนใจได้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภาพเคลื่อนไหว
เสียงหรือผสมผสานหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน
เพื่อเร้าความสนใจของผู้เรียน
ให้มุ่งความสนใจเข้าสู่บทเรียน
บางโปรแกรมอาจจะมีแบบทดสอบวัดความพร้อมของผู้เรียนก่อนหรือมีรายการ ( Menu
) เพื่อให้ผู้เรียนเลือกเรียนได้ตามความสนใจ
และผู้เรียนสามารถจัดลำดับการเรียนก่อนหลังได้ด้วยตนเอง
2. ขั้นการเสนอเนื้อหา
เมื่อผู้เรียนเลือกเรียนในเรื่องใดแล้ว คอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็จะเสนอเนื้อหานั้นออกมาเป็นกรอบๆ(
Frame
) ในรูปแบบที่เป็น ตัวอักษร
ภาพ เสียง ภาพกราฟฟิกและภาพเคลื่อนไหว
เพื่อเร้าความสนใจในการเรียน และสร้างความเข้าใจในความคิดรวบยอดต่าง ๆ แต่ละกรอบ
หรือเสนอเนื้อหาเรียงลำดับไปทีละอย่างทีละประเด็น
โดยเริ่มจากง่ายไปหายาก
ผู้เรียนจะควบคุมความเร็วในการเรียนด้วยตนเอง เพื่อที่จะให้ได้เรียนรู้ได้มากที่สุด ตามความสามารถ
และมีการชี้แนะหรือการจัดเนื้อหาสำหรับการช่วยเหลือผู้เรียนให้เกิดการเรียนที่ดีขึ้น
3. ขั้นคำถามและคำตอบ
หลังจากเสนอเนื้อหาของบทเรียนไปแล้ว
เพื่อที่จะวัดผู้เรียนว่ามีความรู้ความเข้าใจเนื้อหาที่เรียนผ่านมาแล้วเพียงใดก็จะมีการทบทวนโดยการให้ทำแบบฝึกหัด และช่วยเพิ่มพูนความรู้ความชำนาญ เช่น
ให้ทำแบบฝึกหัดชนิดคำถาม
แบบเลือกตอบ แบบถูกผิด แบบจับคู่และแบบเติมคำ เป็นต้น
ซึ่งคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสามารถเสนอแบบฝึกหัดแก่ผู้เรียนได้น่าสนใจมากกว่าแบบทดสอบธรรมดาและผู้เรียนตอบคำถามผ่านทางแป้นพิมพ์หรือเมาท์
( Mouse
) นอกจากนี้
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนยังสามารถจับเวลาในการตอบคำถามของผู้เรียนได้ด้วย
ถ้าผู้เรียนไม่สามารถตอบคำถามได้ในเวลาที่กำหนดไว้ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็จะเสนอความช่วยเหลือให้
4. ขั้นการตรวจคำตอบ
เมื่อระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้รับคำตอบจากผู้เรียนแล้ว คอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็จะตรวจคำตอบและแจ้งผลให้ผู้เรียนได้ทราบ การแจ้งผลอาจแจ้งเป็นแบบข้อความ กราฟฟิกหรือเสียง ถ้าผู้เรียนตอบถูกก็จะได้รับการเสริมแรง ( Reinforcement
) เช่น การให้คำชมเชย เสียงเพลง
หรือให้ภาพกราฟฟิกสวย ๆ และถ้าผู้เรียนตอบผิด คอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็จะบอกใบ้ให้หรือให้การซ่อมเสริมเนื้อหาแล้วให้คำถามนั้นใหม่ เมื่อตอบได้ถูกต้อง
จึงก้าวไปสู่หัวเรื่องใหม่ต่อไป
ซึ่งจะหมุนเวียนเป็นวงจรอยู่จนกว่าจะหมดบทเรียนในหน่วยนั้น ๆ
5. ขั้นการปิดบทเรียน
เมื่อผู้เรียนเรียนจนจบบทเรียนแล้ว คอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะทำการประเมินผล ผู้เรียนโดยการทำแบบทดสอบ ซึ่งจุดเด่นของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ สามารถสุ่มข้อสอบออกมาจากคลังข้อสอบที่ได้สร้างไว้และเสนอให้ผู้เรียนแต่ละคนโดยไม่เหมือนกัน จึงทำให้ผู้เรียนไม่สามารถจดจำคำตอบจากการที่ทำในครั้งแรก
ๆ นั้นได้ หรือแบบไม่รู้คำตอบนั้นมาก่อนเอามาใช้ประโยชน์
เมื่อทำแบบทดสอบนั้นเสร็จแล้วผู้เรียนจะได้รับทราบคะแนนการทำแบบทดสอบของตนเองว่าผ่านตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก
อีกทั้งคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะบอกเวลาที่ใช้ในการเรียนในหน่วยนั้น ๆ ได้ด้วย เป็นต้น
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ที่นำเอาเทคนิคคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเข้ามาช่วย
แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่
1 เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ เวลา 18 ชั่วโมง
แผนที่ 3 เรื่อง สัดส่วน
: การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสัดส่วน เวลา 1.00 ชั่วโมง
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้
มาตรฐานการเรียนรู้
ค 1.1 เข้าใจถึงความหลากหลายของการแสดงจำนวนและการใช้จำนวนในชีวิตจริง
ตัวชี้วัด
ค 1.1 ม.2/4 ใช้ความรู้เกี่ยวกับอัตราส่วน
สัดส่วน และร้อยละในการแก้โจทย์
สาระสำคัญ
การเท่ากันของอัตราส่วนสองอัตราส่วน
เรียกว่า สัดส่วน
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
ให้นักเรียนสามารถ
1. หาจำนวนที่แทนด้วยตัวแปรในสัดส่วนที่กำหนดให้
2. แก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสัดส่วนได้
สาระการเรียนรู้
สัดส่วน การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสัดส่วน
กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นนำ
๑.
แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ
๒.
ครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับบทเรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง สัดส่วน
ขั้นสอน
๓.
นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ(สัดส่วน)
๔.
นักเรียนสนทนาและทบทวนความรู้เดิม เกี่ยวกับ อัตราส่วนและร้อยละ(สัดส่วน)
๕.
ครูแนะนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ให้นักเรียนเข้าใจก่อนเข้าบทเรียน
๖.
แนะนำขั้นตอนวิธีการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
๗.
นักเรียนเข้าบทเรียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
โดยครูคอยช่วยเหลือและดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
๘.
นักเรียนศึกษาและทำความเข้าใจในบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และตอบคำถามท้ายเรื่อง
ขั้นสรุป
นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย สรุปเรื่อง สัดส่วน
ว่า การเท่ากันของอัตราส่วนสองอัตราส่วน เรียกว่า
สัดส่วน และให้นักเรียนแต่ละเปรียบเทียบอัตราส่วนสองอัตราส่วนให้ชัดเจนว่าเป็นสัดส่วนกันหรือไม่
ทิศนา แขมมณี. (2547). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นภดล ยิ่งยงสกุล.(2554).https://sornordon.wordpress.com/.[Online] เข้าถึงเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561.https://www.kroobannok.com/16955.[Online] เข้าถึงเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561.