ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง
(Mental Discipline)
ทิศนา
แขมมณี (2547: 45-47) ได้รวบรวมไว้ว่า นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า
จิตหรือสมองสติปัญญา (mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก
เช่นเดียวกับกล้ามเนื้อซึ่งจะแข็งแรงได้ด้วยการออกกำลังกาย ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยให้บุคคลเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ
ยิ่งยากมากเท่าไร จิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
นักคิดกลุ่มนี้มีแนวคิดแยกออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ (Bigge, 1964: 19-30)
1. กลุ่มที่เชื่อในพระเจ้า (Theistic
Mental Dicipline) นักคิดที่สำคัญของกลุ่มนี้คือ
เซนต์ออกุสติน (St. Augustine) จอร์น คาลวิน (John
Calvin) และคริสเตียน โวล์ฟ (Christian Wolf) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อ ดังนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
1)
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความชั่ว และการกระทำใดๆ
ของมนุษย์เกิดจากแรงกระตุ้นภายในตัวมนุษย์เอง (bad-active)
2)
มนุษย์พร้อมที่จะทำความชั่วหากไม่ได้รับการสั่งสอนอบรม
3)
สมองของมนุษย์แบ่งออกเป็นส่วนๆ (faculties) ซึ่งหากได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมจะช่วยทำให้เกิดความเข้มแข็ง
สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้
4) การฝึกสมอง
หรือฝึกระเบียบวินัยของจิตเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาให้มนุษย์เป็นคนดีและฉลาด
5) การฝึกฝนสมองให้รู้จักคิด
ต้องใช้วิชายาก เช่น คณิตศาสตร์ ปรัชญา ภาษาลาติน ภาษากรีก และคัมภีร์ไบเบิล เป็นต้น
หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1)
การฝึกสมองหรือการฝึกระเบียบของจิตอย่างเข้มงวด
เป็นสิ่งสำคัญในการฝึกให้บุคคลเป็นคนฉลาดและคนดี
2)
การฝึกจิตจะต้องทำอย่างเข้มงวด เพื่อให้จิตเข้มแข็ง การบังคับ ลงโทษ เป็นสิ่งจำเป็นถ้าผู้เรียนไม่เชื่อฟัง
3)
การจัดให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาที่ยาก ได้แก่ คณิตศาสตร์ ปรัชญา ภาษาลาติน
และภาษากรีก จะช่วยฝึกฝนสมอง ให้เข้มแข็งได้เป็นอย่างดี
4)
การจัดให้ผู้เรียนได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและยึดถือในพระเจ้า
2.
ทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์ (Humanistic Mental
Discipline) นักคิดคนสำคัญในกลุ่มนี้ คือ พลาโต (Plato) และอริสโตเติล (Aristotle) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อ
ดังนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
1) พัฒนาการในเรื่องต่างๆ
เป็นความสามารถของมนุษย์ มิใช่พระเจ้าบันดาลให้เกิด
2)
มนุษย์เกิดมามีลักษณะไม่ดีไม่เลวและการกระทำของมนุษย์เกิดจากแรงกระตุ้นภายใน (neutral
active)
3)
มนุษย์เป็นผู้มีเหตุผลพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง มนุษย์มีอิสระที่จะเลือกทำตามความเข้าใจและเหตุผลของตน
หากได้รับการฝึกฝนอบรมก็จะสามารถพัฒนาศักยภาพที่ติดตัวมา
4)
มนุษย์มีความรู้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ถ้าขาดการกระตุ้นความรู้จะไม่แสดงออกมา
หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1)
การพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดเรียนรู้คือ การกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา
2)
การพัฒนาผู้เรียนไม่จำเป็นต้องใช้การบังคับ เคี่ยวเข็ญ แต่ควรใช้เหตุผล
เพราะมนุษย์เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการใช้เหตุผล
3) การใช้วิธีสอนแบบโสเครตีส
(Socratic Method) คือ
การใช้คำถามเพื่อดึงความรู้ในตัวผู้เรียนออกมาให้เห็นกระจ่างชัด
เป็นวิธีการสอนที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
4) การใช้วิธีการสอนแบบบรรยาย
(Didactic Method) คือ
การสอนที่ใช้คำถามฟื้นความจำของผู้เรียนแล้วเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน
เป็นวิธีสอนที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
บริหารการศึกษากลุ่มดอนทอง52(http://dontong52.blogspot.com/) ได้กล่าวไว้ว่านักคิดกลุ่มนี้เชื่อว่าจิตหรือสมองหรือสติปัญญาสามารถพัฒนาได้โดยการฝึกนักคิดกลุ่มนี้มีแนวคิดแยกออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ
1.
กลุ่มที่เชื่อในพระเจ้า (Theistic Mental Discipline ) นักคิด คือ เซนต์ออกุสติน จอห์น คาลวิน และคริสเตียน โวล์ฟ
นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อเรื่อง
1) มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความชั่ว
การกระทำใด ๆ ของมนุษย์เกิดมาจากแรงกระตุ้นภายในตัวมนุษย์เอง (Bad-active)
2)
มนุษย์พร้อมที่จะทำความชั่วหากไม่ได้รับการสั่งสอนอบรม
3) สมองของมนุษย์นั้นแบ่งออกเป็นส่วน ๆ
ซึ่งหากได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมจะช่วยทำให้เกิดความเข้มแข็ง สามารถแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ได้
4) การฝึกสมอง หรือฝึกระเบียบวินัยของจิตเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาให้มนุษย์เป็นคนดีและฉลาด
5) การฝึกฝนสมองให้รู้จักคิด
ต้องใช้วิชาที่ยาก เช่น วิชาคณิตศาสตร์ ปรัชญา ภาษาลาติร ภาษากรีก
และคัมภีร์ไบเบิล เป็นต้น
2.กลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์ (Humanistic Mental Discipline) นักคิดคนสำคัญ
คือ พลาโต และอริสโตเติล นักคิดกลุ่มนี้เชื่อ
1) พัฒนาการเป็นเรื่องของมนุษย์
มิใช่พระเจ้าบันดาลมา
2) มนุษย์เกิดมามีลักษณะไม่ดี ไม่เลว
และการกระทำของมนุษย์เกิดจากแรงกระตุ้นภายใน
3)
มนุษย์เป็นผู้มีเหตุผลพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง
4) มนุษย์มีความรู้ติดตัวมาแต่เกิด
แต่ถ้าขาดการกระตุ้นความรู้จะไม่แสดงออกมา
สยุมพร
ศรีมุงคุณ (https://www.gotoknow.org/posts/341272) ได้รวมรวมทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นฝึกจิตหรือสมองทฤษฎี(Mental
Discipline) ว่านักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า จิตหรือสมองหรือสติปัญญา(mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก
ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยให้บุคคลเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ
ยิ่งยากมากเท่าไร จิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
หลักการในการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
โดยการกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา วิธีการสอนแบบโสเครติส(Socratic
Method) และวิธีการสอนแบบบรรยาย(Didactic
Method) เป็นวิธีการสอนตามทฤษฏีนี้ที่ใช้คำถามเพื่อดึงความรู้ในตัวผู้เรียนออกมาให้กระจ่างชัดและช่วยเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน
ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
สรุป จากการศึกษาค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่า ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง
(Mental Discipline) แบ่งออก 2 กลุ่ม
คือ กลุ่มที่เชื่อในพระเจ้าและทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์
ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้มีหลักการจัดการศึกษาที่แตกต่างกัน
โดยกลุ่มที่เชื่อในพระเจ้าจะมีการฝึกสมองหรือการฝึกระเบียบของจิตอย่างเข้มงวด
เพื่อให้จิตเข้มแข็ง การบังคับ ลงโทษ เป็นสิ่งจำเป็นถ้าผู้เรียนไม่เชื่อฟัง
การจัดให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาที่ยาก
และการจัดให้ผู้เรียนได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและยึดถือในพระเจ้า ส่วนทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์จะเป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
คือ การกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออก ไม่จำเป็นต้องบังคับ แต่ควรมีเหตุผล
เพราะมนุษย์เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการใช้เหตุผล นอกจากนี้ยังมีการใช้วิธีการสอนแบบโสเครตีสและวิธีการสอนแบบบรรยาย
โดยทั้ง 2 วิธีนี้เป็นวิธีสอนที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
ที่มา
ทิศนา
แขมมณี. (2547). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร
: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บริหารการศึกษากลุ่มดอนทอง52.
(2553). http://dontong52.blogspot.com. [Online]
เข้าถึงเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561.
สยุมพร ศรีมุงคุณ. (2554). https://www.gotoknow.org/posts/341272.[Online]
เข้าถึงเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น